หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ราชาหนู

ราชาหนู

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ราชาหนู
ราชาหนู (อังกฤษ: Rat kings) เป็นชื่อของกลุ่มหนูซึ่งมีส่วนหางเชื่อมติดกัน โดยหางของหนูเหล่านี้อาจถูกเลือด โคลน น้ำแข็ง หรืออุจจาระ โปะไว้ด้วยกัน หรืออาจจะถูกมัดไว้เหมือนปม เชื่อกันว่าหนูเหล่านี้ดำรงชีวิตอยู่โดยมีหางติดกันอย่างนั้น ซึ่งจำนวนของหนูในกลุ่มราชาหนูนั้นมีไม่แน่นอน รายงานการพบราชาหนูมีมากที่สุดในประเทศเยอรมนี ในประวัติศาสตร์นั้นถือว่าราชาหนูเป็นลางร้ายของโรคระบาดที่รุนแรงมาก
ในปัจจุบันยังไม่มีรายงานของราชาหนูที่ยังมีชีวิตอันเชื่อถือได้

ตัวอย่าง

ตามพิพิธภัณฑสถานบางแห่งจะมีซากของราชาหนูซึ่งได้รับการเก็บรักษาไว้หรือกลายเป็นมัมมี่ตั้งแสดงต่อสาธารณะ ราชาหนูกลุ่มใหญ่ที่สุดซึ่งมีการตั้งแสดงนั้นอยู่ในพิพิธภัณฑสถาน Mauritianum เมืองอัลเตนบูร์ก รัฐทูริงเง่น ซึ่งเป็นซากที่แห้งเป็นมัมมี่ของหนู 32 ตัวด้วยกัน ราชาหนูกลุ่มนี้ถูกพบในเตาผิงของคนสีข้าวที่บุคไฮม์เมื่อปีพ.ศ. 2371
ที่พิพิธภัณโอทาโกในเมืองดูเนดิน ประเทศนิวซีแลนด์ มีราชาหนูซึ่งพบในพ.ศ. 2473ไว้ ราชาหนูกลุ่มนี้เป็นหนูดำที่ยังโตไม่เต็มที่ซึ่งส่วนหางถูกขนม้าพันไว้ด้วยกัน[1]
ประมาณการว่ารายงานการพบราชาหนูนั้นมีน้อยลงเมื่อหนูสีน้ำตาลได้เข้าแพร่พันธุ์แทนหนูดำ ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 ในปัจจุบันมีรายงานการพบราชาหนูเพียงน้อยครั้ง โดยครั้งล่าสุดนั้นมีชาวนาพบในประเทศเอสโตเนียเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2548[2]
ซากของราชาหนูที่พิพิธภัณฑวิทยาศาสตร์ Mauritianum
ราชาหนูส่วนใหญ่ที่พบนั้นเป็นหนูดำ แต่ก็เคยมีรายงานการพบราชาหนูที่เป็นกลุ่มหนูชวา ในจังหวัดชวาตะวันตก เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2461 ซึ่งเป็นกลุ่มหนูนาจำนวนสิบตัว นอกจากนั้นยังมีรายงานกรณีที่เป็นสัตว์อื่นๆ เช่น กระรอก อยู่ด้วย
ผู้ศึกษาเรื่องสัตว์ลึกลับ เอ็ม. ชไนเดอร์ ได้เผยแพร่ภาพเอ็กซ์เรย์ของราชาหนูซึ่งชาวนาพบในประเทศเนเธอร์แลนด์เมื่อพ.ศ. 2506 [3] ซึ่งภาพนี้ได้แสดงให้เห็นพังผืดที่เกิดขึ้นบนหางของหนู ทำให้เชื่อได้ว่าหนูในกลุ่มราชาหนูนั้นยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ตามปกติระยะ หนึ่ง[3]

วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Kapre

    

 (Kapre ที่มาภาพ:http://darkcloud013.deviantart.com/art/Kapre-294688830)

    ผียักษ์ต้นไม้สูบบุหรี่(ซิการ์) เป็นปีศาจในตำนานของฟิลิปปินส์ มีลักษณะเหมือนปีศาจต้นไม้ แต่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ สูงประมาณ 7- 9 ฟุต ขนสีน้ำตาล มีเครา มีนิสัยชอบสูบบุหรี่หรือยาสูบ ชอบอาศัยอยู่ตามต้นไม้ใหญ่เช่นมะม่วง, ไผ่ หรือไทร ชอบนั่งใต้ต้นไม้ สวมผ้าเตี่ยว(Bahag)เหมือนคนพื้นเมือง แต่บางคนเห็นมันสวมเข็มขัด ว่ากันว่าจากตัวนี้จะถือหินขาวมหัศจรรย์ที่มีขนาดเล็กกว่าไข่นกกระทาไว้ด้วย โดยใครที่ได้หินนั้นมาครอบครองจะสมปรารถนา แม้หน้าตาดูแล้วน่ากลัวแต่มันก็ไม่ดุร้าย เพราะมันชอบคนที่เป็นมิตรกับมัน และอยากมีความรัก และมันจะปรากฏตัวเห็นหากพบคนที่มันชอบใจ(ปกติมันไม่ปรากฏตัวให้เห็น) มันชอบพูดคุยกับคนเดินทางหรือคนที่หลงป่า และมีความเชื่อว่ามันเป็นสาเหตุทำให้คนหลงทาง นอกจากนี้ยังมีปรากฏการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นเกี่ยวกับตัวมันอีก เช่น มีเสียงกรอบแกรบทั้งๆ ที่ไม่มีลม หรือได้ยินเสียงหัวเราะดังจากต้นไม้ หรือมีควันออกจากด้านบนของต้นไม้ เป็นต้น
ปีศาจตนนี้ เป็นตำนานที่มีชื่อเสียงของ
"ฟิลิปปินส์ "(ประเทศนี้ผีเยอะไม่น้อยหน้า พี่ไทยเลย)
Kapre หรือ ยักษ์ต้นไม้ ชื่อ ก็บอกอยู่ ปีศาจตนนี้จะอาศัยอยู่ตามต้นไม้ใหญ่ เช่น ต้นไทร,ต้นไผ่,ต้นมะม่วง
บ้างก็นั่งอยู่บนต้นไม้ บ้างกะยืนข้างๆต้นไม้ สวมผ้าเตี่ยว(Bahag)เหมือนคนพื้นเมือง ไม่สวมเสื้อ
มีคำบอกกล่าวจากผู้ที่พบเห็นมันบางคนจะบอกว่า มันสวมเข็มขัดด้วย
กาปรี มีลักษณะโดยรวมเหมือนมนุษย์เรานี่แหละ แต่จะมีความสูงถึง 7-9 ฟุต ผิดขนาดมนุษย์ปกติ
ลำตัวมีขนสีน้ำตาล ไว้หนวดเครายาว แต่ความอินดี้ของเจ้าปีศาจตนนี้คือ ติดบุหรี่ ทุกครั้งที่มีคนพอเจอจะเห็นว่ากาปรีสูบบุหรี่ หรือ ซิก้าร์ด้วยเสมอ

แม้หน้าตาจะดูดุร้าย น่ากลัว ก็จริง แต่อย่าเพิ่งกลัวไป เพราะ นิสัยของมันไม่มีความดุร้าย เป็นมิตรกับผู้คน
อยากมีความรัก และเลือกให้คนเห็นเฉพาะคนที่มันรู้สึกชอบเท่านั้น(ใครอยากพิสูจน์ ล่าท้าผีตนนี้ ก็ต้องเช็ค เสื้อผ้า หน้าผม นิดนึง)


บางครั้งเวลามีคนหลงป่า หรือเดินป่า ซึ่งมีต้นไม้เยอะๆ แน่นอน มันจะหาเรื่องออกมาพูดคุยด้วย(ออกแนวดีใจว่ามีเพื่อนแล้ว)
แต่ก็มีบางความเชื่อบอกว่า มันนี่แหละเป็นสาเหตุที่ทำให้คนหลงทาง
นอกจากนี้ปรากฎการณ์แปลกๆที่ทำให้เรารู้ว่า กาปรีอยู่ใกล้ๆเราคือ จะมีเสียงกรอบแกรบ ทั้งๆที่ไม่มีลม
หรือ ได้ยินเสียงหัวเราะก้องออกมาจากต้นไม้ หรือ มีควันของซิก้าร์ออกจากด้านบนของต้นไม้ เป็นต้น

ความพิเศษของมันอีกอย่างคือในมือข้างที่ไม่ได้จับซิก้าร์ มันจะกำก้อนหินสีขาวขนาดเล็ก ประมาณเมล็ดถั่วดำ ถั่วแดง ไว้
เชื่อกันว่า ถ้ามันได้ให้ก้อนหินมหัศจรรย์ มาครอบครอง คนผู้นั้นจะโชคดี สมความปรารถนาทุกประการ

 (ที่มา:http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=jubu-girl&month=08-2013&date=29&

นิงเง็น




(ภาพนิงเง็น ที่มา:http://31.media.tumblr.com/tumblr_luwf3oCtr71r5h400o1_500.jpg)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
นิงเง็น (อังกฤษ: Ningen; ญี่ปุ่น: ニンゲン) เป็นชื่อที่เรียกสิ่งที่เชื่อว่าเป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทร โดยนิงเง็นเป็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งที่รวมอยู่ในตำนานพื้นบ้านของญี่ปุ่น นิงเง็นมีลักษณะคล้ายวาฬ ได้รับการอ้างว่าพบเห็นโดยชาวประมงหลายราย แต่จนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่เป็นที่ยืนยันว่า มันมีจริงหรือไม่
คำว่า "นิงเง็น" แปลมาจากภาษาญี่ปุ่นที่มีความหมายว่า "มนุษย์"

ลักษณะ

นิงเง็นได้รับการอธิบายว่ามีขนาดใหญ่เหมือนวาฬ โดยมีความยาวถึง 20 - 30 เมตร แต่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ คือ มีส่วนหัวและรยางค์ที่ดูคล้ายแขนและนิ้วมือ บ้างก็อ้างว่ามี 5 นิ้วเหมือนมนุษย์อีกด้วย ผิวของนิงเง็นสีขาวซีดและไม่มีขน บ้างก็บอกว่ามีหางคล้ายกับพวกเงือก
การพบเห็นนิงเง็นครั้งสุดท้าย เกิดที่มหาสมุทรแอนตาร์กติก โดยนักสำรวจกลุ่มหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรก็ตามไม่มีหลักฐานอะไรยืนยันได้นอกจากคำบอกเล่าจากลูกทีมคณะ สำรวจ แต่ก็มีภาพเคลื่อนไหวบันทึกได้โดยวิดีโออยู่ 2 ชุด แต่ก็เป็นภาพที่แตกพร่าและลางเลือน

วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558

คาลาโนโร่

 
(kalanoro ที่มาภาพ:http://img4.wikia.nocookie.net/__cb20130517200720/allcryptid/images/5/56/Kalanoro.png)
 
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
คาลาโนโร่ (อังกฤษ: Kalanoro) เป็นชื่อสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในป่าทึบบนเกาะมาดากัสการ์ คาลาโนโร่เชื่อว่ามีลักษณะคล้ายมนุษย์ แต่มีความสูงเพียง 3 ฟุต มีขนยาวสีน้ำตาลแดง มีกรงเล็บที่แหลมคม มีพละกำลังที่มากมายเกินกว่าขนาดตัว แต่มีเท้าที่หันหลังเข้าไปด้านหลัง
คาลาโนโร่มีนิสัยที่ดุร้าย สามารถทำร้ายและฆ่ามนุษย์ได้ มีผู้อ้างว่าพบเห็นสิ่งที่เชื่อว่าเป็นคาลาโนโร่มากมาย ทั้งชาวพื้นเมืองและนักวิชาการชาวตะวันตก เรื่องราวเกี่ยวกับคาลาโนโร่เป็นที่รู้จักครั้งแรกในปี ค.ศ. 1889 เมื่อสมาคมภูมิศาสตร์ของบริติชราช ได้ทำการสำรวจทั่วเกาะ แต่ก็ไม่สามารถพบตัวอย่างเลยแม้สักตัว[1] [2]

ปีศาจเจอร์ซีย์

 จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

 
ภาพวาดในจินตนาการของปีศาจเจอร์ซีย์ ในหนังสือพิมพ์ Philadelphia Evening Bulletin ฉบับเดือนมกราคม ค.ศ. 1909
ปีศาจเจอร์ซีย์ (อังกฤษ: Jersey Devil) สัตว์ประหลาดในตำนานพื้นถิ่นของชาวรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา ปีศาจเจอร์ซีย์ในบางครั้งจะถูกเรียกว่า ปีศาจลีดส์ (Leeds Devil) เป็นสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายปีศาจตามความเชื่อในคริสต์ศาสนา เชื่อว่ามีความสูงประมาณ 4-6 ฟุต มีส่วนหัวคล้ายม้าหรือแพะ แต่ลำตัวยาวคล้ายงูหรือมังกร มีปีกขนาดใหญ่คล้ายค้างคาว สามารถบินได้บนท้องฟ้า มีหาง 2 แฉก มีเขางอกบนหน้าผากเล็ก ๆ 2 ชิ้น ลำตัวปกคลุมด้วยขนสีดำ
ปีศาจเจอร์ซีย์ เชื่อว่าอาศัยอยู่ในป่าสนที่ชื่อ ไพน์ บาร์เรนส์ อันเป็นป่าสนขนาดใหญ่ในพื้นที่ตอนใต้ของรัฐนิวเจอร์ซีย์
ในปี ค.ศ. 1909 มีพยานหลายคนได้ยินเสียงน่าขนลุกจากแม่น้ำเดลาแวร์ และเห็นสัตว์ประหลาดเรืองแสงบินอยู่บนท้องฟ้า นอกจากนั้นยังพบรอยเท้าประหลาดบนหลังคาบ้านหรือบริเวณใกล้กับเล้าไก่อีกด้วย
ในตำนานพื้นถิ่นของการกำเนิดปีศาจเจอร์ซีย์ เล่าว่า มันถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1745 จากการตั้งครรภ์ของผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ เดเบอร่าห์ ลีดส์ โดยเป็นลูกคนที่ 13 ของเธอ (ซึ่งเลข 13 เป็นเลขอัปมงคลตามความเชื่อของคริสต์ศาสนา) ดังนั้นมันจึงได้อีกชื่อหนึ่งว่า ปีศาจลีดส์ ทั้งนี้เป็นเพราะว่าเธอได้ขายวิญญาณให้แก่ปีศาจ จึงถูกสาป
จากนั้นมา ก็ได้มีผู้พบเห็นปีศาจเจอร์ซีย์นี้เป็นระยะ ๆ ในระยะเวลา 200 กว่าปีที่ผ่านมา จวบจนปัจจุบัน ซึ่งบุคคลหลายคนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง และน่าเชื่อถือด้วย เช่น โจเซฟ โบนาปาร์ต (พี่ชายของนโปเลียน โบนาปาร์ต—ต่อมาได้เป็นจักรพรรดิแห่งสเปน) ระบุว่าพบเห็นเมื่อปี ค.ศ. 1820 จนถึงปัจจุบัน ก็ยังมีผู้อ้างว่าได้ยินเสียงร้องน่ากลัวในเวลาค่ำคืนรวมถึงพบรอยเท้า ประหลาดและข้าวของที่บิดเบี้ยวเสียหายในบ้าน ซึ่งก็ได้มีกลุ่มบุคคลตั้งทีมขึ้นมาเพื่อล่าปีศาจเจอร์ซีย์นี้ด้วย
หลายคนลงความเห็นว่าปีศาจเจอร์ซีย์มีลักษณะคล้ายสัตว์เลื้อยคลานในยุคก่อนประวัติศาสตร์จำพวก เทอโรซอร์ หรือ ดิโมฟอร์ดอน ซึ่งมีชีวิตร่วมสมัยเดียวกับไดโนเสาร์
ในวัฒนธรรมร่วมสมัย มีการอ้างอิงถึงปีศาจเจอร์ซีย์อยู่หลายอย่าง เช่น บรูซ สปริงส์ทีน นักร้องชื่อดังชาวอเมริกันได้แต่งเพลงชื่อ "A Night with the Jersey Devil" ลงในเว็บไซต์ส่วนตัวของตนเองและเปิดโอกาสให้ดาวน์โหลดได้ฟรี ในเทศกาลวันฮาโลวีนเมื่อปี ค.ศ. 2008 หรือ ในซีรีส์ชุด The X-Files ซีรีส์ไซไฟสืบสวนสอบสวนยอดนิยมทางโทรทัศน์ก็เคยมีตอนของปีศาจเจอร์ซีย์ด้วย ในซีซั่นแรก (ค.ศ. 1993) ในชื่อว่า "The Jersey Devil" รวมทั้งสารคดีชุด Lost Tapes ของช่องดิสคัฟเวอรี่ แชนนอลปีที่ 2 ในตอน "Jersey Devil" และสารคดีทางโทรทัศน์สำหรับเด็กของแคนาดาชุด Mystery Hunters ปีที่ 3 อีกทั้งยังเป็นชื่อทีมฮอกกี้น้ำแข็งประจำรัฐนิวเจอร์ซีย์ด้วย คือ ทีมนิว เจอร์ซีย์ เดวิลส์

วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558

โอโกโปโก้

(ภาพรูปปั้นโอโกโปโก้ ที่มา:http://www.kelownabc.com/kelowna/ogopogo.jpg)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

โอโกโปโก หรือ ไนทากะ (อังกฤษ: Ogopogo; Naitaka) เป็นชื่อเรียกของสัตว์ประหลาดในทะเลสาบ ซึ่งได้รับรายงานว่าอาศัยอยู่ในทะเลสาบโอคานากัน[1] ในรัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา โอโกโปโกได้รับการอ้างถึงว่ามีการพบโดยชาวกลุ่มปฐมชาติตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 รูปพรรณสัญฐานที่กล่าวถึงบ่อยที่สุดในลักษณะของงูทะเลยักษ์ที่มีความยาว 40-50ฟุต (12-15 เมตร)
นักวิจัยสัตว์ลึกลับชาวอังกฤษ คาร์ล ชูเกอร์ ได้จัดให้โอโกโปโกอยู่ในหมวดหมู่สัตว์ประหลาดหลายหนอกของกลุ่มบรรดาสัตว์ประหลาดในทะเลสาบทั้งหลาย เช่นเดียวกับ เนสซี ในทะเลสาบล็อกเนสส์ของสก็อตแลนด์ และชี้ให้เห็นว่าอาจเป็นชนิดหนึ่งของสัตว์เลื้อยคลานดึกดำบรรพ์ ดังเช่น โมซาซอรัส หรือพวกไพลโอซอร์ อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยหลักฐานทางกายภาพของสัตว์ชนิดนี้มักถูกจำกัดและไม่ชัดเจนทั้งทาง ภาพถ่ายและในฟิล์ม ซึ่งมักได้รับการอธิบายว่าเป็นปรากฏการณ์ของการพบสัตว์ที่มีอยู่โดยทั่วไป อย่างเช่น ตัวนาก หรือวัตถุที่ไม่มีชีวิต อย่างเช่น ท่อนไม้ลอยน้ำ[2]

เพิ่มเติม จากหนังสือ ตำนานเรื่องตัวประหลาด เรียบเรียงโดย บัวแก้ว ไชยหลวงผา [ไปหาซื้อก้นได้งับ แนะนำ]




คราเคน

 จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

คราเคนกำลังเกาะเรือ
คราเคน (อังกฤษ: Kraken) เป็นสัตว์ยักษ์ในตำนานที่ชาวทะเลเหนือหวาดกลัว มักเล่าว่าคล้ายหมึกกล้วยขนาด ยักษ์ โผล่ขึ้นจากน้ำพรวดเดียวก็สูงกว่าเสากระโดงเรือ ชอบโจมตีเรือเดินสมุทรอย่างกะทันหัน โอบหนวดของมันรัดลำเรือเอาไว้ หนวดที่เหลือมันจะรัดลูกเรือจนกระดูกแหลกเหลว บ้างก็รัดเข้ามาป้อนเข้าปากอันน่ากลัว
คราเคนถูกเล่าขานมานานเท่าใดไม่ปรากฏ แต่บันทึกที่เป็นหลักฐานครั้งแรก มาจากนอร์เวย์ เป็นเรื่องราวที่อ้างถึงสิ่งมีชีวิตขนาดเท่าเกาะ ในหนังสือชื่อ "The Natural History of Norway" ที่เขียนโดยบิชอปแห่งเบอร์เก้น Erik Ludvigsen Pontoppidan ท่านได้บรรยายเกี่ยวกับคราเคนเอาไว้ว่า มันเปรียบเสมือนเกาะลอยน้ำขนาดย่อม ลำตัวยาวถึงครึ่งไมล์
เรื่องราวในช่วงถัดมาเกี่ยวกับคราเคนก็ค่อยๆ ลดขนาดของมันลงเรื่อยๆ ไม่มหึมาโอฬาร แต่ก็ยังมีขนาดยักษ์
นักชีววิทยาเชื่อว่า ที่แท้เป็นหมึกมหึมาชนิด หนึ่ง อยู่ในทะเลลึก และเมื่อตายจะเป็นซากลอยเกยหาด จนชาวประมงพบเห็นและจินตนาการเพิ่มเติมเกินจริง หมึกมหึมามีขนาดใหญ่จริง แต่ไม่เท่าเรื่องเล่าในตำนาน มีซากตัวอย่างที่ยาวเท่าเรือเร็ว และมีหลักฐานจากซาก วาฬสเปิร์ม ว่าวาฬพยายามกินหมึกชนิดนี้ และต่อสู้กัน
ใน พ.ศ. 1930 มีรายงานการโจมตีเรือของหมึกดังกล่าว นักชีววิทยาและผู้ชำนาญการคาดว่า หมึกมหึมา โจมตีเพราะเรือมีลักษณะคล้ายปลาวาฬศัตรูของหมึกจนเข้าใจผิด และจากรายงานของผู้ประสบเหตุอ้างว่า หมึกดังกล่าวมีขนาดมหึมา โดยเฉลี่ยประมาณ 100 ฟุต น้ำหนักประมาณ 2-3 ตัน ส่วนมากเกิดกับเรือเดินทะเลที่ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเท่านั้น

คราเคนในโลกบันเทิง


สเกลของคราเคน ในการ์ตูน เซนต์เซย่า
  • นิยายวิทยาศาสตร์ "ใต้ทะเล 20,000 โยชน์" ของ จูนส์ เวิร์น
  • ภาพยนตร์แฟนตาซี "โจรสลัดแห่งคาริบเบียน ภาค2-3(Pirates of the Caribbean)"
  • เป็นรูปแบบชุดเกราะนักรบในการ์ตูนแฟนตาซี "เซนต์เซย่า ภาคโพไซดอน"
  • เป็นเอเลี่ยนที่ปรากฏตัวในเรื่อการ์ตูนเรื่อง"เบ็น เท็น"ทางช่องCartoon Network
  • อยู่ในการ์ตูนเรื่อง แอตแลนติส 2
  • อยู่ในภาพยนตร์เรื่อง Clash of the Titans
  • อยู่ในเกม Tomb raider underworld
  • อยู่ในการ์ตูนเรื่อง One piece
  • อยู่ในภาพยนตร์เรื่อง pirate of the caribbean
  • เป็น Hero ที่อยู่ในเกม Hero Of Newerth ชื่อ Kraken
  • เป็น boss ตัวหนึ่งใน เกม deep sea hunter2

อ้างอิง

  • Terrell, Peter; et al. (Eds.) (1999). German Unabridged Dictionary (4th ed.). Harper Collins. ISBN 0-06-270235-1.

แหล่งข้อมูลอื่น

AnimismSymbolWhite.PNG บทความเกี่ยวกับความเชื่อนี้ยังเป็นโครง คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดย



สารบัญสิ่งมีชีวิตลึกลับ

สารบัญสิ่งมีชีวิตลึกลับ 
    ทวีป
          เอเชีย
                   นินเง็น 
                   kapre

          อเมริกาเหนือและอเมริกลาง
                   สกินวอร์คเกอร์
                   ปีศาจเจอร์ซีย์
                   โอโกโปโก้
          
          เอฟริกา
                   คาลาโนโร่

      ตำนานท้องถิ่นทั่วโลก
                   คราเคน
                   

สกินวอล์กเกอร์

(ที่มา http://www.maineghosthunters.org/blogs/files/2013/03/Blogpic-ET-Skinwalker-235x300.jpg)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก สกินวอร์คเกอร์)
สกินวอร์กเกอร์ (อังกฤษ: Skin-walker) เป็นความเชื่อพื้นเมืองของอินเดียแดง ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองของอเมริกาเหนือ เช่น เผ่านาวาโฮ สกินวอร์กเกอร์ คือ มนุษย์ที่กลายร่างเป็นสัตว์ป่าที่ดุร้าย เช่น หมาป่า, ไคโยตี้ หรือ หมีกริซลีย์ ด้วยอำนาจของเวทมนตร์หรือคำสาป หรือในพิธีกรรมที่เอาหนังสัตว์มาสวมใส่ (ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ สกินวอร์กเกอร์--หนังเดินได้) ซึ่งผู้ที่กลายเป็นสกินวอร์กเกอร์อาจกลายเป็นสัตว์ป่าไปทั้งตัวหรือครึ่งคนครึ่งสัตว์ก็ได้
สกินวอร์กเกอร์ เป็นปีศาจที่ดุร้าย เข้าทำร้ายและฆ่าสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ รวมถึงมนุษย์ด้วย สกินวอร์กเกอร์สามารถเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว หลบซ่อนตัวเก่ง มีพละกำลังมาก และยังสามารถเลียนเสียงของผู้คนที่เหยื่อรักหรือผูกพันได้อีกด้วยเพื่อลวงไป สังหาร
เรื่องราวของสกินวอร์กเกอร์คล้ายคลึงกับความเชื่อเรื่องมนุษย์หมาป่าในยุโรป หรือความเชื่อของไวกิ้ง ที่เชื่อว่ามนุษย์บางคนอาจกลายร่างเป็นสัตว์ป่าที่ดุร้ายเพื่อเข้าสังหารข้าศึกหรือศัตรูได้ด้วย
นอกจากนี้แล้ว ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองบัลลาร์ด รัฐยูทาห์ มีพื้นที่ขนาด 480 เอเคอร์ (1.9 ตารางกิโลเมตร) ที่ถูกเรียกว่า "ไร่สกินวอร์กเกอร์" (Skinwalker ranch) เป็นพื้นที่ ๆ เชื่อว่ามีปรากฏการณ์เกี่ยวกับยูเอฟโอ[1]
สกินวอร์กเกอร์ถูกอ้างอิงในวัฒนธรรมสมัยนิยมต่าง ๆ เช่น ในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่อง Skinwalkers ในปี ค.ศ. 2006 หรือในสารคดีของดิสคัฟเวอรี่ แชนนอลชุด Lost Tapes ในชื่อตอน Skinwalker (ในประเทศไทยออกอากาศทางทรูวิชั่นส์ในกลางปีเดียวกัน) เป็นต้น[2]