หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ราชาหนู

ราชาหนู

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ราชาหนู
ราชาหนู (อังกฤษ: Rat kings) เป็นชื่อของกลุ่มหนูซึ่งมีส่วนหางเชื่อมติดกัน โดยหางของหนูเหล่านี้อาจถูกเลือด โคลน น้ำแข็ง หรืออุจจาระ โปะไว้ด้วยกัน หรืออาจจะถูกมัดไว้เหมือนปม เชื่อกันว่าหนูเหล่านี้ดำรงชีวิตอยู่โดยมีหางติดกันอย่างนั้น ซึ่งจำนวนของหนูในกลุ่มราชาหนูนั้นมีไม่แน่นอน รายงานการพบราชาหนูมีมากที่สุดในประเทศเยอรมนี ในประวัติศาสตร์นั้นถือว่าราชาหนูเป็นลางร้ายของโรคระบาดที่รุนแรงมาก
ในปัจจุบันยังไม่มีรายงานของราชาหนูที่ยังมีชีวิตอันเชื่อถือได้

ตัวอย่าง

ตามพิพิธภัณฑสถานบางแห่งจะมีซากของราชาหนูซึ่งได้รับการเก็บรักษาไว้หรือกลายเป็นมัมมี่ตั้งแสดงต่อสาธารณะ ราชาหนูกลุ่มใหญ่ที่สุดซึ่งมีการตั้งแสดงนั้นอยู่ในพิพิธภัณฑสถาน Mauritianum เมืองอัลเตนบูร์ก รัฐทูริงเง่น ซึ่งเป็นซากที่แห้งเป็นมัมมี่ของหนู 32 ตัวด้วยกัน ราชาหนูกลุ่มนี้ถูกพบในเตาผิงของคนสีข้าวที่บุคไฮม์เมื่อปีพ.ศ. 2371
ที่พิพิธภัณโอทาโกในเมืองดูเนดิน ประเทศนิวซีแลนด์ มีราชาหนูซึ่งพบในพ.ศ. 2473ไว้ ราชาหนูกลุ่มนี้เป็นหนูดำที่ยังโตไม่เต็มที่ซึ่งส่วนหางถูกขนม้าพันไว้ด้วยกัน[1]
ประมาณการว่ารายงานการพบราชาหนูนั้นมีน้อยลงเมื่อหนูสีน้ำตาลได้เข้าแพร่พันธุ์แทนหนูดำ ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 ในปัจจุบันมีรายงานการพบราชาหนูเพียงน้อยครั้ง โดยครั้งล่าสุดนั้นมีชาวนาพบในประเทศเอสโตเนียเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2548[2]
ซากของราชาหนูที่พิพิธภัณฑวิทยาศาสตร์ Mauritianum
ราชาหนูส่วนใหญ่ที่พบนั้นเป็นหนูดำ แต่ก็เคยมีรายงานการพบราชาหนูที่เป็นกลุ่มหนูชวา ในจังหวัดชวาตะวันตก เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2461 ซึ่งเป็นกลุ่มหนูนาจำนวนสิบตัว นอกจากนั้นยังมีรายงานกรณีที่เป็นสัตว์อื่นๆ เช่น กระรอก อยู่ด้วย
ผู้ศึกษาเรื่องสัตว์ลึกลับ เอ็ม. ชไนเดอร์ ได้เผยแพร่ภาพเอ็กซ์เรย์ของราชาหนูซึ่งชาวนาพบในประเทศเนเธอร์แลนด์เมื่อพ.ศ. 2506 [3] ซึ่งภาพนี้ได้แสดงให้เห็นพังผืดที่เกิดขึ้นบนหางของหนู ทำให้เชื่อได้ว่าหนูในกลุ่มราชาหนูนั้นยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ตามปกติระยะ หนึ่ง[3]

วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Kapre

    

 (Kapre ที่มาภาพ:http://darkcloud013.deviantart.com/art/Kapre-294688830)

    ผียักษ์ต้นไม้สูบบุหรี่(ซิการ์) เป็นปีศาจในตำนานของฟิลิปปินส์ มีลักษณะเหมือนปีศาจต้นไม้ แต่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ สูงประมาณ 7- 9 ฟุต ขนสีน้ำตาล มีเครา มีนิสัยชอบสูบบุหรี่หรือยาสูบ ชอบอาศัยอยู่ตามต้นไม้ใหญ่เช่นมะม่วง, ไผ่ หรือไทร ชอบนั่งใต้ต้นไม้ สวมผ้าเตี่ยว(Bahag)เหมือนคนพื้นเมือง แต่บางคนเห็นมันสวมเข็มขัด ว่ากันว่าจากตัวนี้จะถือหินขาวมหัศจรรย์ที่มีขนาดเล็กกว่าไข่นกกระทาไว้ด้วย โดยใครที่ได้หินนั้นมาครอบครองจะสมปรารถนา แม้หน้าตาดูแล้วน่ากลัวแต่มันก็ไม่ดุร้าย เพราะมันชอบคนที่เป็นมิตรกับมัน และอยากมีความรัก และมันจะปรากฏตัวเห็นหากพบคนที่มันชอบใจ(ปกติมันไม่ปรากฏตัวให้เห็น) มันชอบพูดคุยกับคนเดินทางหรือคนที่หลงป่า และมีความเชื่อว่ามันเป็นสาเหตุทำให้คนหลงทาง นอกจากนี้ยังมีปรากฏการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นเกี่ยวกับตัวมันอีก เช่น มีเสียงกรอบแกรบทั้งๆ ที่ไม่มีลม หรือได้ยินเสียงหัวเราะดังจากต้นไม้ หรือมีควันออกจากด้านบนของต้นไม้ เป็นต้น
ปีศาจตนนี้ เป็นตำนานที่มีชื่อเสียงของ
"ฟิลิปปินส์ "(ประเทศนี้ผีเยอะไม่น้อยหน้า พี่ไทยเลย)
Kapre หรือ ยักษ์ต้นไม้ ชื่อ ก็บอกอยู่ ปีศาจตนนี้จะอาศัยอยู่ตามต้นไม้ใหญ่ เช่น ต้นไทร,ต้นไผ่,ต้นมะม่วง
บ้างก็นั่งอยู่บนต้นไม้ บ้างกะยืนข้างๆต้นไม้ สวมผ้าเตี่ยว(Bahag)เหมือนคนพื้นเมือง ไม่สวมเสื้อ
มีคำบอกกล่าวจากผู้ที่พบเห็นมันบางคนจะบอกว่า มันสวมเข็มขัดด้วย
กาปรี มีลักษณะโดยรวมเหมือนมนุษย์เรานี่แหละ แต่จะมีความสูงถึง 7-9 ฟุต ผิดขนาดมนุษย์ปกติ
ลำตัวมีขนสีน้ำตาล ไว้หนวดเครายาว แต่ความอินดี้ของเจ้าปีศาจตนนี้คือ ติดบุหรี่ ทุกครั้งที่มีคนพอเจอจะเห็นว่ากาปรีสูบบุหรี่ หรือ ซิก้าร์ด้วยเสมอ

แม้หน้าตาจะดูดุร้าย น่ากลัว ก็จริง แต่อย่าเพิ่งกลัวไป เพราะ นิสัยของมันไม่มีความดุร้าย เป็นมิตรกับผู้คน
อยากมีความรัก และเลือกให้คนเห็นเฉพาะคนที่มันรู้สึกชอบเท่านั้น(ใครอยากพิสูจน์ ล่าท้าผีตนนี้ ก็ต้องเช็ค เสื้อผ้า หน้าผม นิดนึง)


บางครั้งเวลามีคนหลงป่า หรือเดินป่า ซึ่งมีต้นไม้เยอะๆ แน่นอน มันจะหาเรื่องออกมาพูดคุยด้วย(ออกแนวดีใจว่ามีเพื่อนแล้ว)
แต่ก็มีบางความเชื่อบอกว่า มันนี่แหละเป็นสาเหตุที่ทำให้คนหลงทาง
นอกจากนี้ปรากฎการณ์แปลกๆที่ทำให้เรารู้ว่า กาปรีอยู่ใกล้ๆเราคือ จะมีเสียงกรอบแกรบ ทั้งๆที่ไม่มีลม
หรือ ได้ยินเสียงหัวเราะก้องออกมาจากต้นไม้ หรือ มีควันของซิก้าร์ออกจากด้านบนของต้นไม้ เป็นต้น

ความพิเศษของมันอีกอย่างคือในมือข้างที่ไม่ได้จับซิก้าร์ มันจะกำก้อนหินสีขาวขนาดเล็ก ประมาณเมล็ดถั่วดำ ถั่วแดง ไว้
เชื่อกันว่า ถ้ามันได้ให้ก้อนหินมหัศจรรย์ มาครอบครอง คนผู้นั้นจะโชคดี สมความปรารถนาทุกประการ

 (ที่มา:http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=jubu-girl&month=08-2013&date=29&

นิงเง็น




(ภาพนิงเง็น ที่มา:http://31.media.tumblr.com/tumblr_luwf3oCtr71r5h400o1_500.jpg)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
นิงเง็น (อังกฤษ: Ningen; ญี่ปุ่น: ニンゲン) เป็นชื่อที่เรียกสิ่งที่เชื่อว่าเป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทร โดยนิงเง็นเป็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งที่รวมอยู่ในตำนานพื้นบ้านของญี่ปุ่น นิงเง็นมีลักษณะคล้ายวาฬ ได้รับการอ้างว่าพบเห็นโดยชาวประมงหลายราย แต่จนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่เป็นที่ยืนยันว่า มันมีจริงหรือไม่
คำว่า "นิงเง็น" แปลมาจากภาษาญี่ปุ่นที่มีความหมายว่า "มนุษย์"

ลักษณะ

นิงเง็นได้รับการอธิบายว่ามีขนาดใหญ่เหมือนวาฬ โดยมีความยาวถึง 20 - 30 เมตร แต่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ คือ มีส่วนหัวและรยางค์ที่ดูคล้ายแขนและนิ้วมือ บ้างก็อ้างว่ามี 5 นิ้วเหมือนมนุษย์อีกด้วย ผิวของนิงเง็นสีขาวซีดและไม่มีขน บ้างก็บอกว่ามีหางคล้ายกับพวกเงือก
การพบเห็นนิงเง็นครั้งสุดท้าย เกิดที่มหาสมุทรแอนตาร์กติก โดยนักสำรวจกลุ่มหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรก็ตามไม่มีหลักฐานอะไรยืนยันได้นอกจากคำบอกเล่าจากลูกทีมคณะ สำรวจ แต่ก็มีภาพเคลื่อนไหวบันทึกได้โดยวิดีโออยู่ 2 ชุด แต่ก็เป็นภาพที่แตกพร่าและลางเลือน

วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558

คาลาโนโร่

 
(kalanoro ที่มาภาพ:http://img4.wikia.nocookie.net/__cb20130517200720/allcryptid/images/5/56/Kalanoro.png)
 
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
คาลาโนโร่ (อังกฤษ: Kalanoro) เป็นชื่อสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในป่าทึบบนเกาะมาดากัสการ์ คาลาโนโร่เชื่อว่ามีลักษณะคล้ายมนุษย์ แต่มีความสูงเพียง 3 ฟุต มีขนยาวสีน้ำตาลแดง มีกรงเล็บที่แหลมคม มีพละกำลังที่มากมายเกินกว่าขนาดตัว แต่มีเท้าที่หันหลังเข้าไปด้านหลัง
คาลาโนโร่มีนิสัยที่ดุร้าย สามารถทำร้ายและฆ่ามนุษย์ได้ มีผู้อ้างว่าพบเห็นสิ่งที่เชื่อว่าเป็นคาลาโนโร่มากมาย ทั้งชาวพื้นเมืองและนักวิชาการชาวตะวันตก เรื่องราวเกี่ยวกับคาลาโนโร่เป็นที่รู้จักครั้งแรกในปี ค.ศ. 1889 เมื่อสมาคมภูมิศาสตร์ของบริติชราช ได้ทำการสำรวจทั่วเกาะ แต่ก็ไม่สามารถพบตัวอย่างเลยแม้สักตัว[1] [2]